Epoch Game Pocket Computer (ค.ศ.1984)
ก่อนหน้านี้เมื่อปี ค.ศ.1984 ทางค่าย Epoch ได้เปิดตัวเครื่องเล่นเกมกด Game Pocket Computer ถือว่าเป็นหนึ่งในเครื่องเล่นเกมสุดล้ำในยุคนั้นเลยก็ว่าได้ และเป็นเครื่องเล่นเกมกดที่จัดจำหน่ายเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น คนส่วนใหญ่เลยไม่ค่อยรู้จักเครื่องเล่นเกมกดรุ่นนี้มากเท่าไหร่นัก ถึงแม้ว่าในยุคนั้นมันจะเป็นเครื่องเล่นเกมกดสุดล้ำ แต่มันก็ไม่ได้รับความนิยมอย่างที่คาด ยอดขายค่อนข้างต่ำกว่าเป้า แถมยังหายไปจากตลาดในระยะเวลาไม่นานหลังจากเริ่มวางขาย Game Pocket Computer จากค่าย Epoch เป็นเครื่องเล่นเกมกดแบบที่ทางผู้เล่นสามารถเลือกเปลี่ยนตลับได้ตามใจชอบ
Epoch ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งค่ายผู้ผลิตเครื่องเล่นเกมชั้นแนวหน้าของยุคนั้น แถมยังเป็นเจ้าของเครื่องเล่นเกมคอลโซลที่เข้ามาตีตลาดในประเทศไทยยุคนั้นอีกด้วย ด้วยการส่งเครื่องเล่นเกม Cassette Vision เข้ามาตีตลาดผู้เล่นในเมืองไทย ก่อนที่จะโดนสกัดดาวรุ่งโดยค่าย Nintendo ที่ส่งเครื่องเล่นเกม Famicom เข้ามาตีตลาดในเมืองไทยจนแตกกระจุย และเข้ามาแทนที่ได้ในที่สุด ในตอนนั้นทางค่าย Epoch มีเทคโนโลยีเกี่ยวกับเครื่องเล่นเกมที่มีความก้าวหน้าเป็นอย่างมาก
จึงได้ทำการพัฒนาเครื่องเล่นเกมกดแบบพกพารุ่นใหม่อย่าง Epoch Game Pocket Computer ในตัวเครื่องมีเกม Silde puzzle และเกม Drawing tool แถมมาให้ สามารถเล่นได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องใส่ตลับ ส่วนเกมอื่นๆอย่างเช่น เกม Block maza , เกม Astro Bomber , เกม Mahjong , และเกม Sokoban ก็สามารถเล่นได้ทันที เพียงแค่ผู้เล่นเปลี่ยนตลับแค่นั้นเอง เกมต่างๆที่เปิดตัวมาถือว่าเป็นที่สนใจของกลุ่มผู้เล่นอยู่ไม่น้อย เนื่องจากเป็นเกมที่สนุก เล่นได้เรื่อยๆแบบไม่มีเบื่อ
เครื่องเล่นเกมกด Game Pocket Computer มาพร้อมกับเทคโนโลยีสุดล้ำมากมาย เป็นเครื่องเล่นเกมกดที่สามารถแสดงผลได้ใกล้เคียงกับเครื่องเล่นเกมคอลโซล อย่าง Vtari 2600 และ Cassette Vision แถมยังมีหน้าจอขนาดใหญ่ให้เล่นได้แบบเต็มตาอีกด้วย ความละเอียดของหน้าจออยู่ที่ 75×64 พิกเซล มีปุ่มปรับเปลี่ยนทิศทาง D-pad และปุ่มควบคุมการเล่นอีก 6 ปุ่ม มาพร้อมกับแบตเตอรี่สุดอึด สามารถใช้เล่นเกมได้ตลอดทั้งวันแบบไม่สะดุด มีระยะเวลาการใช้งานยาวนานถึง 30 ชั่วโมง
หลายๆอย่างอาจจะฟังดูดี แต่เครื่องเล่นเกมกดรุ่นนี้ก็มีปัญหาหลายอย่างที่แก้ไม่ตกเหมือนกัน ทั้งขนาดของตัวเครื่องที่ใหญ่เทอะทะ จนพกพาไปไหนมาไหนไม่ค่อยสะดวก อีกทั้งยังไม่มีปุ่มปรับเพื่อเพิ่มลดความดังของเสียง มีให้เลือกเพียงแค่เปิดหรือปิดเสียงเท่านั้น สิ่งเหล่านี้คือจุดอ่อนที่ทำให้เครื่องเล่นเกมกดรุ่นนี้ไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากเท่าไหร่นัก มันถูกวางขายเฉพาะในประเทศญี่ปุ่น แถมยังทำยอดขายได้ไม่น่าพอใจ ทำให้หลังจากการวางขายไม่นานเครื่องเล่นเกมรุ่นนี้ก็ค่อยๆหายไปจากท้องตลาดในที่สุด