ย้อนรอยเกมผจญภัยสาวในตำนาน Tomb Raider จนต้องเอาไปทำหนัง
เมื่อพูดถึง Tomb Raider หลายๆ คนน่าจะนึกถึงทั้งภาพยนตร์ และเกมในวงการเกมนั้นมีบ้างเหมือนกันที่เห็นว่าภาพยนตร์ประสบความสำเร็จจึงได้มีการพัฒนาเกมขึ้นมา แต่เกมนี้ไม่ใช่แบบนั้นเพราะเป็นภาพยนตร์ต่างหากที่หยุดยกนำเอาเรื่องราวภายในเกมไปเล่าในอีกรูปแบบหนึ่ง มันจึงเป็นหลักฐานชั้นยอดที่ว่าเกมนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากแม้ว่ามันจะเปิดตัวออกมาตั้งแต่ยุค 90 ก็ตาม แม้ว่ายุค 90 นั้นจะเป็นช่วงเวลาที่เกมมีความพัฒนาเป็นอย่างมากและเป็นช่วงเวลาที่คนเริ่มหันมาสนใจเกมกันมากยิ่งขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถเข้าถึงเกมได้อย่างง่ายดายเช่นเดียวกับในปัจจุบัน เพราะเครื่องเล่นเกมหรือคอมพิวเตอร์ PC นั้นไม่ใช่อุปกรณ์ที่จะมีกันทุกบ้านเช่นเดียวกับในปัจจุบัน
ทำให้การเข้าถึงเกมมีความยาก มันไม่ได้เป็นอุปสรรคเฉพาะกับผู้เล่นเกมเท่านั้นที่ไม่สามารถเข้าถึงเกมได้แต่มันยังเป็นอุปสรรคของผู้พัฒนาอีกด้วย เพราะหากเกมของพวกเขาไม่สามารถเข้าถึงคนหมู่มากได้มันก็จะไม่เป็นที่รู้จักและไม่ได้รับความนิยมในที่สุด ดังนั้นเกมที่ได้รับความนิยมตั้งแต่ช่วงยุค 90′ หรือ 80′ เป็นต้นมานั้นจึงสามารถเรียกได้ว่าเป็นเกมในตํานานทั้งสิ้น เพราะมันเป็นเกมที่สามารถโด่งดังและเป็นที่รู้จักได้ทั่วทั้งโลกโดยที่ไม่ต้องมีอินเทอร์เน็ตเป็นสื่อด้วยซ้ำไป ดังนั้น Tomb Raider จึงเป็นอีกหนึ่งเกมแนวผจญภัยในตำนานเรื่องจากมันได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบันและมีการสร้างเวอร์ชั่นรีบูทออกมาเมื่อเร็วๆ นี้อีกด้วย
ทำให้มีคนรู้จักมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มคนยุคใหม่ การที่เกมนี้เป็นที่พูดถึงนั้นส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าทางผู้พัฒนานั้นเลือกที่จะให้ตัวละครเพศหญิงเป็นตัวละครหลักภายในเกมแนวผจญภัยแอ็คชั่นซึ่งส่วนใหญ่แล้วในยุคสมัยนั้นจะนิยมเลือกใช้ตัวละครเพศชายมากกว่า ทำให้หญิงสาวผมเปียอย่างลาล่า ครอฟนั้นเป็นที่รู้จักและเป็นที่พูดถึงจนกลายเป็นกระแสโด่งดังขึ้นมา หากใครที่ไม่เคยรู้จักเกมนี้มาก่อนขอให้นึกถึงการผจญภัยแบบอินเดียน่าโจนส์ ซึ่งเป็นภาพยนตร์แนวผจญภัยที่จะต้องมีความผาดโผน เดินทางไปยังพื้นที่อันรกร้างหรือมีอุปสรรคมากมายเพื่อตามหาขุมทรัพย์ ลาล่าก็เช่นเดียวกัน เธอนั้นต้องเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆทั่วทั้งโลกเพื่อตามหาสิ่งของสำคัญในการใช้แก้ปริศนาที่พ่อของเธอนั้นได้ทิ้งเอาไว้ แต่ดูเหมือนว่าไม่ได้มีแค่เธอที่ต้องการของเรานั้นทำให้เธอต้องพบเจอกับศัตรูมากมายระหว่างทาง
ในปี 1996 ที่เกม Tomb Raider เปิดตัวมานั้นงานภาพกราฟฟิกยังใช้แบบ 3 มิติโพลิกอนที่มีความเป็นก้อนๆ ไม่สมจริงเท่าไหร่นักแต่ก็ช่วยให้มองเห็นรูปร่างได้อย่างชัดเจน เราจะข้ามประเด็นเรื่องของรูปร่างของเธอไปเพราะฉากแต่ละฉากภายในเกมนี้แม้จะออกแบบมาตั้งแต่ในยุค 90 แต่มันก็สามารถทำออกมาได้อย่างสวยงามและมีความละเอียดเป็นอย่างมากแม้ว่าจะไม่ได้คมชัดเทียบเท่ากับงานภาพในยุคปัจจุบันก็ตาม โบราณสถานหรือพื้นที่ทางธรรมชาติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นป่าเขาลำเนาไพรที่เธอต้องเดินทางผจญภัยไปนั้นล้วนแล้วแต่มีความสวยงามและให้บรรยากาศที่เต็มไปด้วยความลึกลับและปริศนาได้เป็นอย่างดี
โดยในภาคนี้จะเล่าถึงเรื่องราวของลาล่า ซึ่งเป็นทั้งนักโบราณคดีและนักผจญภัยที่ได้รับการว่าจ้างให้เดินทางไปยังสุสานควอโลเพคเพื่อตามหาวัตถุโบราณที่มีความลึกลับอย่างสคีออน ซึ่งสถานที่ที่เธอต้องเดินทางไปในครั้งนี้อยู่ในบริเวณของเทือกเขาเปรู ทวีปอเมริกาใต้ เป็นปฐมบทการผจญภัยที่ทำให้คนทั้งโลกนั้นได้รู้จักกับเธอ ภายหลังมีการเปิดเผยจากกลุ่มผู้พัฒนาว่าเดิมทีนั้นเราจะไม่ได้เห็นสาวลาร่าครอฟท์เนื่องจากพวกเขาวางไว้ว่าจะให้ตัวละครเอกเป็นผู้ชายที่มีความคล้ายคลึงกับภาพยนตร์เรื่องอินเดียน่าโจนส์ แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็พบว่าตัวละครหญิงมีความเหมาะสมกว่าเนื่องจากระบบ Gameplay นั้นจะเน้นไปในเรื่องของการแก้ปริศนามากกว่าการต่อสู้ ทำให้พวกเขานั้นเลือกที่จะเปลี่ยนให้ตัวละครเอกของเกมชุดนี้เป็นผู้หญิงอย่างที่เราได้เห็นกัน
